จะมากล่าวถึงสัญญลักษณ์หลายอันที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันในยุคที่ไอทีเข้ามามีบทบาทในชีวิตเราอย่างมากมาย ว่าเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์เหล่านี้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรซึ่งคาดว่าหลาย ๆ คนอาจไม่ทราบ ทุกอย่างต้องมีที่มาที่ไปเสมอครับ ที่มาอาจจะเกิดจากการตั้งใจออกแบบเพื่อให้ใช้โดยตรง เกิดจาการหลีกหนีความจำเจที่พบอยู่ทุกวัน หรือมีที่มาโดยบังเอิญ หรืออาจไม่มีที่มาที่ไปเลยก็ได้ครับ ซึ่งต้องขอบอกที่มาบางอันอาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียวครับ จะกล่าวให้เรารู้เป็นความรู้ทั่วไปสักห้าหรือหกสัญญลักษณ์เอาไว้เล่าหรือทายเพื่อน ๆ ร่วมงานหรือเอาไว้สอนเด็ก ๆ ในบ้านกันได้เลยนะครับ..
1.สัญญลักษณ์ Power.


สัญญลักษณ์นี้น่าขำที่ครั้งแรกเคยใช้เป็นสัญลักษณ์ของซองห่อถุงยางอนามัยของนิวยอร์ค (มีความหมาย คล้ายการมีพลังในการมีเพศสัมพันธุ์- as your power in bed symbol) หรือแม้กระทั่งถูกนำมาสกรีนบนเสื้อยืด และเมื่อนานมาแล้วในสมัยครั้งในสงครามโลกครั้งที่สองนั้น วิศวกรท่านหนึ่งเอามาใช้แทนปุ่มเปิดปิด สำหรับสวิทช์ ซึ่งสัญลักษณ์จะมี “ศูนย์”กับ”หนึ่ง”ซ้อนกันอยู่ หนึ่งหมายถึงเปิด ศูนย์หมายถึงปิด ปี 2516 องค์กรนานาชาติ International Electrotechnical Commission ได้ปรับเปลี่ยนสัญลักษณืนิดหน่อยโดยการทำให้วงกลมแยกออกและใส่เส้นไว้ข้างในดังรูป เป็นการบอกว่ามีการเปิดวงจรไฟฟ้าอยู่ (standby power state) และก็ใช้ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน จนกระทั่ง IEEE (ไอ-ทริป-เปิ้ล-อี) ได้มาสร้างเป็นมาตรฐานสัญลักษณ์ดังในปัจจุบัน
2.สัญญลักษณ์ Command
สัญลักษณ์นี้มีที่มาตรงที่ถ้าเราพอนึกออกในสถานะของวินโดว์ ก็มีปุ่มคล้าย ๆ กันแบบนี้แต่เป็นปุ่มเครื่องหมายวินโดว์(บานหน้าต่างเล็ก ๆ) แทน เนื่องมาจากอีตาสตีฟ จ๊อบ ผุ้บริหารของ Mc Intoch แกเป็นโรคขี้เบื่อเครื่องหมายลูกแอ๊ปเปิ้ล เพราะแสนจะเยอะไปหมดในผลิตภัณฑ์ของเขา ทีมงานของเขาจึงได้เลือกเอาสัญลักษณ์ รูปของต้นไม้หรือพรรณพืช ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่เราเรียกว่า Gorgon loop หรือ infinite loop นั่นเอง ดังที่เราเห็นสัญลักษณ์คำสั่งนี้ (Command) บนเครื่องแมคอินท๊อชมาจวบจนถึงปัจจุบัน3.สัญญลักษณ์ Bluetooth
ที่มาจากเรื่องเล่าในศตวรรษที่ 10 กษัตริย์ของเมืองแดนิส (Danish) ชื่อ Harald Blåtandนั้นมีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญเกียวกับเรื่องของ blueberry ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกชอบกินหรือยังไงไม่ทราบเหมือนกัน แต่กล่าวกันว่าฟันอย่างน้อยซี่หนึ่งของเขามีสีน้ำเงินเคลือบติดแน่นอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเอามาโยงกันยังไงเหมือนกัน แต่ที่รู้พอดีกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดนี้ได้เริ่มผลิตออกมา ซึ่งตอนแรกมีลักษณะคล้าย ๆ ซี่ของฟันจริง ๆ ("teeth-like" shape) และแถมเป็นสีน้ำเงินอีกด้วย พอช่วงหลัง ๆ อุปกรณ์ชนิดนี้ถูกวางมาตรฐานให้ใช้ได้ร่วมกันในหลาย ๆ ประเทศ ทั้งใน นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก จึงมีชื่อเรียกและใช้สัญลักษณ์ที่มองดูคล้าย ๆ รากฟันสีน้ำเงินมาจนถึงปัจจุบัน4.สัญญลักษณ์ USB

เครื่องหมาย USB นั้นถ้าให้ทายกันคงคิดไม่ถึง แต่ก็เชื่อว่าทุกคนของบอกว่าช่างคิดจริง ๆ ลักษณะของสัญญลักษณ์ USB ถูกออกแบบให้คล้ายกับลักษณะของ สามง่ามของเทพโพไซดอน เสมือนการเชื่อมต่อได้หลาย ๆ ทาง ได้มีการพยายามออกแบบให้สื่อความหมายมากขึ้น โดยปลายต่อสามอันภายนอกเดิมจะเป็นปลายแหลม จึงได้ประยุกต์ออกแบบให้เป็นรูปแบบสามเหลี่ยมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง วงกลม เพื่อการสื่อความหมายว่าสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ส่วนปลายได้หลาย ๆ มาตรฐานนั่นเองและยังคงใช้เป็นมาตรฐานมาถึงทุกวันนี้เช่นกัน
5.สัญญลักษณ์ Play/Pause



ไม่ใช่เครื่องหมายที่อยู่บนคีย์บอร์ดโดยตรง โดยปกติจะอยู่บนเครื่องเล่นมีเดียชนิดต่าง ๆ ในการเล่นไฟล์เสียงหรือวิดีโอ ส่วนเครื่องหมาย pause นั้นน่าสนใจเพราะได้แนวความคิดในการออกแบบมาจาก เครื่องหมายทางดนตรี (musical notation) ที่มีชื่อว่า caesura เป็นการบอกว่าหยุดชั่วขณะหนึ่ง
6.สัญญลักษณ์ @ (at)
At or Ah @, สัญลักษณ์ที่มาแรงแซงโค้ง เรียกว่าใครเล่นอินเตอร์เน๊ต มีอีเมลล์ต้องรู้จัก บางทีที่เครื่องหมายนี้รู้จักกันไปทั่วในเวลาสั้น ๆ อาจเป็นเพราะที่มาที่มีความไม่ชัดเจนของเครื่องหมายนี้เอง ซึ่งรู้จักกันหลาย ๆ ชื่อ หลาย ๆ ลักษณะ แตกต่างกันไปในหลาย ๆ ประเทศ เช่น ในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส เรียกสัญลักษณ์นี้ว่า the snail (หอยทาก), ในจีนเรียกว่า little mouse(หนู) และในเยอรมันเรียก monkey's tail (หางลิง) ซึ่งแล้วแต่ใครจะจินตนาการ บางคนเชื่อว่า @ เริ่มมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่หก เมื่อพวกพระในอดีตสร้างคำว่า ad ในภาษาละติน (ซึ่งเป็นการบอกปี คริสตกาล) แต่ก็กลัวจะสับสนกับคำว่า "at" หรือ "toward" บางคนกล่าวว่าเป็นการออกแบบให้กับ Anno Domini หรือ ปีหลังการตายของพระเยซูคริสต์ (the years after the death of Christ).อาจารย์นายแพทย์ ศักดา อาจองค์, พบ, บธบ.
SAKDA ARJ-ONG, MD, BBA, MS.ICT
PHD program of clinical epidemiology,
Pediatrist, Pediatric Cardiologist & Intervention Ped.Cardiology
Family physicians, Emergency physicians.
Emergency Medicine, Ramathibodi Hospital, Mahidol University

ขอบคุณครับ ให้ความรู้ได้มากเลยๆครับ
ตอบลบไม่เคยรู้มาก่อนเลยเรื่องประวัติสัญลักษณ์พวกนี้ๆ